วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
10 นิสัยที่ทำให้สมองฝ่อ
1. ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม
2. กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น
3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
4. ทานของหวานมากเกินไป การกินของหวานมาก จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาองสมอง
5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะ เข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง
6. การอดนอน การนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนการอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้
7. นอนคลุมโปง การนอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานขอลสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว
9.ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ
10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง
แหล่งที่มา : http://learners.in.th/blog/zenkyo/186917
ประโยชน์ของผัก 36 ชนิด
ลำดับ | ชนิด | คุณสมบัติ |
1 | สะเดา (Neem tree) | มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ |
2 | ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) | ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์ |
3 | ต้นหอม (Shallot) | มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง |
4 | แครอท (Carrot) | เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้ |
5 | หอมหัวใหญ่ (Onion) | มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด |
6 | คะน้า (Chinese kale) | มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง |
7 | พริก (Chilli) | มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ |
8 | กระเจี๊ยบเขียว (Okra) | ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ |
9 | ผักกระเฉด(Water mimosa) | ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร |
10 | ตำลึง (Ivy gourd) | มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร |
11 | มะระ (Chinese bitter cucumber) | มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด |
12 | ผักบุ้ง (Water spinach) | บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด |
13 | ขึ้นฉ่าย (Celery) | กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด |
14 | เห็ด (Mushroom) | แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน |
15 | บัวบก (Indian pennywort) | มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ |
16 | สะระแหน่ (Kitchen mint) | กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว |
17 | ชะพลู (Cha-plu) | รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง |
18 | ชะอม (Cha-om) | ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ |
19 | หัวปลี (Banana flower) | รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง |
20 | กระเทียม (Garlic) | ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง |
21 | โหระพา (Sweet basil) | น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม |
22 | ขิง (Ginger) | บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ |
23 | ข่า (Galangal) | น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา |
24 | กระชาย (Wild ginger) | บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม |
25 | ถั่วพู (Winged bean) | ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว |
26 | ดอกขจร (Cowslip creeper) | กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน |
27 | ถั่วฝักยาว (Long bean) | มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด |
28 | มะเขือเทศ (Tomato) | มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง |
29 | กะหล่ำปลี (White cabbage) | มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง |
30 | มะเขือพวง (Plate brush eggplant) | ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส |
31 | ผักชี (Chinese paraley) | ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง |
32 | กุยช่าย (Flowering chives) | มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง |
33 | ผักกาดหัว (Chinese radish) | แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี |
34 | กะเพรา (Holy basil) | แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้ |
35 | แมงลัก (Hairy basil) | ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ |
36 | ดอกแค (Sesbania) | กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา |
ประโยชน์ของผัก 36 ชนิด
ประโยชน์ของผัก 36 ชนิด
ลำดับ | ชนิด | คุณสมบัติ |
1 | สะเดา (Neem tree) | มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ |
2 | ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) | ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์ |
3 | ต้นหอม (Shallot) | มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง |
4 | แครอท (Carrot) | เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้ |
5 | หอมหัวใหญ่ (Onion) | มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด |
6 | คะน้า (Chinese kale) | มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง |
7 | พริก (Chilli) | มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ |
8 | กระเจี๊ยบเขียว (Okra) | ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ |
9 | ผักกระเฉด(Water mimosa) | ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร |
10 | ตำลึง (Ivy gourd) | มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร |
11 | มะระ (Chinese bitter cucumber) | มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด |
12 | ผักบุ้ง (Water spinach) | บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด |
13 | ขึ้นฉ่าย (Celery) | กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด |
14 | เห็ด (Mushroom) | แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน |
15 | บัวบก (Indian pennywort) | มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ |
16 | สะระแหน่ (Kitchen mint) | กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว |
17 | ชะพลู (Cha-plu) | รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง |
18 | ชะอม (Cha-om) | ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ |
19 | หัวปลี (Banana flower) | รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง |
20 | กระเทียม (Garlic) | ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง |
21 | โหระพา (Sweet basil) | น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม |
22 | ขิง (Ginger) | บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ |
23 | ข่า (Galangal) | น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา |
24 | กระชาย (Wild ginger) | บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม |
25 | ถั่วพู (Winged bean) | ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว |
26 | ดอกขจร (Cowslip creeper) | กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน |
27 | ถั่วฝักยาว (Long bean) | มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด |
28 | มะเขือเทศ (Tomato) | มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง |
29 | กะหล่ำปลี (White cabbage) | มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง |
30 | มะเขือพวง (Plate brush eggplant) | ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส |
31 | ผักชี (Chinese paraley) | ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง |
32 | กุยช่าย (Flowering chives) | มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง |
33 | ผักกาดหัว (Chinese radish) | แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี |
34 | กะเพรา (Holy basil) | แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้ |
35 | แมงลัก (Hairy basil) | ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ |
36 | ดอกแค (Sesbania) | กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา |
วิธีคิดเลขเร็ว
วิธีคิดเลขเร็ว
การคูณเลข 2 หลักที่จำนวนหน้าเท่ากัน จำนวนหลังบวกกันได้ 10
1. ให้เอา เลข ตัวท้ายคูณกัน ตั้งเป็นผลลัพธ์หลักหน่วย และ หลักสิบไว้ก่อน
2. ให้เอาตัวหน้าคูณกับจำนวนที่มากกว่ามันอยู่ หนึ่ง คูณได้เท่าไร เขียนเป็นผลลัพธ์ต่อเป็นหลักร้อย, หลักพัน, หลักหมื่น ฯลฯ เป็นผลลัพธ์ ที่ถูกต้อง และ รวดเร็ว
การคูณเลข 2 หลักที่จำนวนหลังเท่ากัน จำนวนหน้าบวกกันได้ 10
1. ให้เอา เลข ตัวท้ายคูณกัน ตั้งเป็นผลลัพธ์หลักหน่วย และ หลักสิบไว้ก่อน
2. ให้เอาตัวหน้าคูณกัน แล้วบวกตัวหลัง หนึ่งตัว เขียนเป็นผลลัพธ์ต่อเป็นหลักร้อย, หลักพัน, หลักหมื่น ฯลฯ เป็นผลลัพธ์ ที่ถูกต้อง และ รวดเร็ว
การคูณเลข 2 หลักที่มีหลักสิบเป็นเลข 1 ทั้งตัวตั้งและตัวคูณ
1. ให้เอาเลข ตัวท้ายคูณกัน ตั้งเป็นผลลัพธ์หลักหน่วย ถ้าคูณกันเกิน 9 ให้ทดหลักสิบไว้ก่อน
2. หน่วยตัวหลังบวกกัน และ และเพิ่มข้างหน้าอีก 1 บวกจำนวนที่ทดไว้ เขียนเป็นผลลัพธ์ต่อจากที่เขียนไว้เป็นหลักสิบ หลักร้อย ก็จะได้ผลลัพธ์ ที่ถูกต้อง และรวดเร็ว
การคูณเลข 2 หลักที่มีหลักหน่วยเป็นเลข 1 ทั้งตัวตั้งและตัวคูณ
1. เขียน 1 เป็นหลักหน่วยที่ผลลัพธ์ ตั้งไว้ก่อน
2. เอาเลข หลักสิบ บวกกับ หลักสิบ ได้เท่าไร เขียนเป็นผลลัพธ์ หลักสิบ ต่อจาก 1 (ถ้าบวกกันได้เลขสองตัว ให้ทดตัวหน้าไว้ก่อน)
3. เอาหลักสิบ คูณ หลักสิบ บวกกับตัวทด ได้เท่าไร เขียนผลลัพธ์ ต่อเป็น หลักร้อย หลักพันต่อไป ก็จะได้ผลลัพธ์ ที่ถูกต้อง และรวดเร็ว
ที่มา http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=91882&eid=32
"เคล็ดลับการสร้างความจำ"
"เคล็ดลับการสร้างความจำ"
วิธีฝึกสมาธิ
ลองอ่านหนังสือแล้วเปิดเพลงไปด้วย สัก 5 นาทีแล้วถามตัวเองว่าได้ความ มากแค่ไหน ....
"ขอให้ค่อยๆลองฝึกดู เมื่อไรที่คุณแยกเสียงเพลง ออกจากการอ่านหนังสือได้ แสดงว่าคุณก็เริ่มมีคุณสมบัติเป็นนักจำที่ดีแล้ว เพราะคุณมีสมาธิ" นั่นเอง
(1)- เมื่ออ่านหนังสือ - ให้เลือกหา "วรรคทอง" ในแต่ละบทให้ได้ แล้วจดจำไว้ - หมั่นทวนวรรคทองนั้นเสมอ
(2)-เขียนวรรคทองนั้น ลงในกระดาษ- ซึ่งจะทำให้จิตใจจดจ่อกับวรรคทองนั้น
(3)-การทบทวนวรรคทองบ่อยๆ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ -
โดยสรุปก็คือ ใช้สายตา (อ่าน) -จิตใจ(จดจ่อ) -มือ (เขียน) - อ่าน (ออกเสียง)
6 ท่าออกกำลังกาย เพิ่มพลังสมอง เสริมความจำ สร้างสมาธิ
6 ท่าออกกำลังกาย เพิ่มพลังสมอง เสริมความจำ สร้างสมาธิ
พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นอัจฉริยะ จนต่างแข่งขันพาลูกไปเรียนรู้สารพัดวิชา เพื่อให้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากที่สุด มีความสามารถ แต่มีใครถามหรือสนใจบ้างว่า วันนี้ลูกของเรามีโครงสร้างร่างกายและระบบประสาทที่พร้อมต่อการเรียนรู้หรือ ไม่?
สถาบันพัฒนาโครงสร้างร่างกายดีสปายน์ ไคโรแพรคติก มีผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างกระดูกสันหลัง ระบบประสาท แห่งสหรัฐอเมริกา ดร.
นาง
สำหรับเทคนิคการออกกำลังกาย ที่ทางสถาบันแนะนำทั้งเด็กและผู้ใหญ่ปฏิบัติทุกวัน มี 6 ท่า คือ
1.ท่า ปุ่มสมอง เป็นท่ากระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอ ช่วยทำให้สมองตื่นตัว เพิ่มสมาธิ และการรับรู้ โดยวางมือข้างหนึ่ง แบไว้ตรงสะดือ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งให้นวดเบาๆ บริเวณร่องบุ๋มที่อยู่ระหว่างกระดูกซี่โครงซีแรกกับซี่ที่สอง ใต้กระดูกไหปลาร้า
2.ท่าเคลื่อนไหล่สลับข้าง เป็นท่ากระตุ้นให้สมองสองซีกทำงาน เพิ่มเซลล์สมอง สมองทั้งสองซีกสื่อสารถึงกันได้ดี รวดเร็ว และทำให้ความจำดีอีกด้วย โดยเด็กๆ สามารถย่ำเท้าอยู่กับที่ ยกเข่าให้สูง ศอกซ้ายแตะเข่าขวา และศอกขวาแตะเข่าซ้ายสลับกัน
3.ท่าเกี่ยว ตะขอ ช่วยทำให้สมองทำงานประสานกันได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นศูนย์ควบคุมระดับการรู้สึกตัว สร้างสมาธิ เพิ่มความสมดุล เพิ่มการจดจำด้วย และช่วยกระตุ้นสมอง ส่วนที่ทำหน้าที่รับสัมผัส เริ่มจากเด็กๆ จะต้องยืนไขว้มือสองข้างให้ประสานกัน เหยียดแขนทั้งสองออกไปด้านหน้า นิ้วโป้งชี้ลงพื้นแล้วพลิกมือ ม้วนเข้าหาตัว แล้วพักไว้ที่บริเวณหน้าอก ทิ้งศอกลงทั้งสองข้าง พร้อมทั้งกระดกลิ้นติดเพดานปาก เป็นการกระตุ้นประสาทเส้นเอ็นบริเวณลิ้น
4.ท่า หมวกความคิด เป็นท่ากระตุ้นระบบประสาทเกี่ยวกับการได้ยิน โดยเด็กๆ จะต้องนวดใบหูด้านนอก ตั้งแต่บนสุด ลงล่างสุด เพื่อปลุกให้กลไกการได้ยินมีความตื่นตัว ทำให้ความจำได้ขึ้น
5.ท่า หาวเพิ่มพลัง เป็นท่ากระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าทั้งหมด ทั้งระบบประสาทตา หู กล้ามเนื้อ และปลุกให้สมองตื่นตัว ทำให้มีสมาธิโดยท่านี้เด็กๆ จะต้องทำท่าเหมือนหาว จากนั้นนวดคลึงกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร
6.ท่า เลขแปดหลังยาวสำหรับการมอง เป็นท่าพัฒนาการเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อให้เกิดการประสานงานของมือและตา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำ มีความสงบเยือกเย็น มีสมาธิ เหมาะสำหรับเด็กที่ทำงานศิลปะ หรือเล่นเปียโน โดยท่านี้กำหนดให้ชูหัวแม่มือข้างใดข้างหนึ่งขึ้นไว้กลางระดับสายตา ระยะห่างประมาณช่วงศอก ตั้งศีรษะนิ่ง ไม่เกร็ง ตามองตามนิ้วที่เคลื่อนตลอด โดยลากนิ้วหัวแม่มือขึ้นไปด้านบนของขอบเขตสายตาม และลากทวนเข็มนาฬิกากลับมาด้านซ้าย จนกระทั่งนิ้ววนมาถึงจุดต่ำสุด จากนั้นหมุนย้อนเข็มผ่านจุดกึ่งกลางไปทางขวา ทำทีละข้าง
เพื่อกระตุ้นให้พ่อแม่เห็นความสำคัญในการพัฒนาโครงการร่างกาย และให้เด็กได้มีเทคนิคดูแลร่างกาย เพิ่มพลังสมอง สร้างสมาธิให้กับตนเอง สถาบันพัฒนาโครงสร้างร่างกาย ดีสปายน์ ไคโรแพรคติก จึงจัดการกิจกรรม "เพิ่มพลังสมอง เปิดโลกอัจฉริยะ" ในวันที่ 24 มีนาคม ที่โรงแรมอิมพิเรียลธารา สุขุมวิท 26 โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกามาตรวจร่างกาย และนักกายภาพมาสอนเทคนิคการออกกำลังกาย การเพิ่มสมาธิต่างๆ สนใจโทร.0-2260-6586
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10964
50 วิธีเอาชนะโรคเด็กสมาธิสั้น
50 วิธีเอาชนะโรคเด็กสมาธิสั้น จาก จิตเวช รามาธิบดี โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปราโมทย์ สุคนิชย์ add ย่อมาจากคำว่า attention deficit disorder หมายถึง โรคสมาธิสั้น ครูอาจารย์รู้หลายอย่างที่แพทย์ไม่รู้ นั่นก็คือ อาการของ ADD ปรากฏ ได้หลายแบบมาก ซ้ำยังเกิด ร่วมกับ ความผิดปกติอื่นๆ อีก เช่น learning disabilities หรือปัญหา ทางอารมณ์ ราวกับว่า ปัญหาของ ADD เปลี่ยนตาม สภาพอากาศ ไม่แน่นอน คาดการณ์ไม่ได้ แม้วิธีการรักษา ADD จะมี ปรากฏ ในหนังสือ มากมาย แต่ก็ยังคง เป็นงานยาก และหนัก กับผู้ปฏิบัติเสมอ
1) ข้อแรกคือ ท่านต้องมั่นใจว่าท่านกำลังช่วยเด็ก ADD มิใช่เป็นปัญหาของการได้ยิน การมองเห็น
เด็กมี ทักษะในการคงความสนใจอยู่กับเรื่องๆเดียวได้
|
ที่มา http://www.otat.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=5355636&Ntype=2