วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

6 ท่าออกกำลังกาย เพิ่มพลังสมอง เสริมความจำ สร้างสมาธิ


6 ท่าออกกำลังกาย เพิ่มพลังสมอง เสริมความจำ สร้างสมาธิ

พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นอัจฉริยะ จนต่างแข่งขันพาลูกไปเรียนรู้สารพัดวิชา เพื่อให้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากที่สุด มีความสามารถ แต่มีใครถามหรือสนใจบ้างว่า วันนี้ลูกของเรามีโครงสร้างร่างกายและระบบประสาทที่พร้อมต่อการเรียนรู้หรือ ไม่?

สถาบันพัฒนาโครงสร้างร่างกายดีสปายน์ ไคโรแพรคติก มีผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างกระดูกสันหลัง ระบบประสาท แห่งสหรัฐอเมริกา ดร.ทอม สมิท มาอธิบายว่า ร่างกายคนเรามีกลไกมาพร้อมกับธรรมชาติที่เป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตั้งแต่เกิดจนโตมา อาจมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ระบบโครงสร้างร่างกายและระบบประสาททำงานได้ไม่ เต็มที่ ติดๆ ขัดๆ อาทิ การคลอดที่ผิดธรรมชาติ การหกล้ม อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต่างๆ รวมถึงท่าทางการนั่งการยืนที่ผิดธรรมชาติ ทำให้กลไกอัจฉริยะในร่างกายที่ธรรมชาติให้มา ทำงานได้ไม่เต็มที่ อันส่งผลต่อการดำรงชีวิตหลายประการ อาทิ การเจ็บป่วยต่างๆ การขาดสมาธิ ซึ่งหากโครงสร้างร่างกายตั้งแต่วัยเด็กได้รับการปรับแก้ไข ให้มีความสมดุล การเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ก็จะมีคุณภาพ

นางบัณลักข ถิรมงคล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาโครงสร้างร่างกาย ดีสปายน์ ไคโรแพรคติก เสริมว่า จากสถิติผู้ที่มาเข้ารับการรักษาผู้ใหญ่ หลายปีมานี้พบว่าส่วนใหญ่จะมีปัญหากระดูกสันหลังคด อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดต่างๆ ตามร่างกาย อาทิ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ และปวดขา ซึ่งจริงๆ แล้ว หากเด็กได้รับการพัฒนาโครงสร้างร่างกายให้แข็งแรง มีความพร้อมตั้งแต่ในวัยเด็ก ปัญหาดังกล่าวอาจจะไม่เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะทำให้ร่างกายมีความพร้อมต่อการเรียนรู้ สามารถจดจำ และมีสมาธิด้วย ทั้งนี้ การพัฒนาโครงสร้างร่างกาย ระบบประสาท และสมอง โดยเทคนิคการออกกำลังกายที่ถูกต้อง เป็นพื้นฐานที่ทุกคนสามารถส่งเสริมให้เด็กๆ ทำได้ และพ่อแม่ควรให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับพัฒนาการโครงสร้างร่างกาย ตั้งแต่วัยเด็ก

สำหรับเทคนิคการออกกำลังกาย ที่ทางสถาบันแนะนำทั้งเด็กและผู้ใหญ่ปฏิบัติทุกวัน มี 6 ท่า คือ

1.ท่า ปุ่มสมอง เป็นท่ากระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอ ช่วยทำให้สมองตื่นตัว เพิ่มสมาธิ และการรับรู้ โดยวางมือข้างหนึ่ง แบไว้ตรงสะดือ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งให้นวดเบาๆ บริเวณร่องบุ๋มที่อยู่ระหว่างกระดูกซี่โครงซีแรกกับซี่ที่สอง ใต้กระดูกไหปลาร้า

2.ท่าเคลื่อนไหล่สลับข้าง เป็นท่ากระตุ้นให้สมองสองซีกทำงาน เพิ่มเซลล์สมอง สมองทั้งสองซีกสื่อสารถึงกันได้ดี รวดเร็ว และทำให้ความจำดีอีกด้วย โดยเด็กๆ สามารถย่ำเท้าอยู่กับที่ ยกเข่าให้สูง ศอกซ้ายแตะเข่าขวา และศอกขวาแตะเข่าซ้ายสลับกัน

3.ท่าเกี่ยว ตะขอ ช่วยทำให้สมองทำงานประสานกันได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นศูนย์ควบคุมระดับการรู้สึกตัว สร้างสมาธิ เพิ่มความสมดุล เพิ่มการจดจำด้วย และช่วยกระตุ้นสมอง ส่วนที่ทำหน้าที่รับสัมผัส เริ่มจากเด็กๆ จะต้องยืนไขว้มือสองข้างให้ประสานกัน เหยียดแขนทั้งสองออกไปด้านหน้า นิ้วโป้งชี้ลงพื้นแล้วพลิกมือ ม้วนเข้าหาตัว แล้วพักไว้ที่บริเวณหน้าอก ทิ้งศอกลงทั้งสองข้าง พร้อมทั้งกระดกลิ้นติดเพดานปาก เป็นการกระตุ้นประสาทเส้นเอ็นบริเวณลิ้น

4.ท่า หมวกความคิด เป็นท่ากระตุ้นระบบประสาทเกี่ยวกับการได้ยิน โดยเด็กๆ จะต้องนวดใบหูด้านนอก ตั้งแต่บนสุด ลงล่างสุด เพื่อปลุกให้กลไกการได้ยินมีความตื่นตัว ทำให้ความจำได้ขึ้น

5.ท่า หาวเพิ่มพลัง เป็นท่ากระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าทั้งหมด ทั้งระบบประสาทตา หู กล้ามเนื้อ และปลุกให้สมองตื่นตัว ทำให้มีสมาธิโดยท่านี้เด็กๆ จะต้องทำท่าเหมือนหาว จากนั้นนวดคลึงกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร

6.ท่า เลขแปดหลังยาวสำหรับการมอง เป็นท่าพัฒนาการเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อให้เกิดการประสานงานของมือและตา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำ มีความสงบเยือกเย็น มีสมาธิ เหมาะสำหรับเด็กที่ทำงานศิลปะ หรือเล่นเปียโน โดยท่านี้กำหนดให้ชูหัวแม่มือข้างใดข้างหนึ่งขึ้นไว้กลางระดับสายตา ระยะห่างประมาณช่วงศอก ตั้งศีรษะนิ่ง ไม่เกร็ง ตามองตามนิ้วที่เคลื่อนตลอด โดยลากนิ้วหัวแม่มือขึ้นไปด้านบนของขอบเขตสายตาม และลากทวนเข็มนาฬิกากลับมาด้านซ้าย จนกระทั่งนิ้ววนมาถึงจุดต่ำสุด จากนั้นหมุนย้อนเข็มผ่านจุดกึ่งกลางไปทางขวา ทำทีละข้าง

เพื่อกระตุ้นให้พ่อแม่เห็นความสำคัญในการพัฒนาโครงการร่างกาย และให้เด็กได้มีเทคนิคดูแลร่างกาย เพิ่มพลังสมอง สร้างสมาธิให้กับตนเอง สถาบันพัฒนาโครงสร้างร่างกาย ดีสปายน์ ไคโรแพรคติก จึงจัดการกิจกรรม "เพิ่มพลังสมอง เปิดโลกอัจฉริยะ" ในวันที่ 24 มีนาคม ที่โรงแรมอิมพิเรียลธารา สุขุมวิท 26 โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกามาตรวจร่างกาย และนักกายภาพมาสอนเทคนิคการออกกำลังกาย การเพิ่มสมาธิต่างๆ สนใจโทร.0-2260-6586

หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10964

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น