วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หลายๆเรื่องที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับอัจฉริยะ


ไปอ่านเจอในนิตยสารวิทยาศาสตร์ Discovery
ขำๆครับ เลยเอามาแบ่งปันกัน


- ทุกๆปีจะมีการประกาศรางวัลโนเบล หากคุณเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งที่ต้องการอยากรู้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ ชิงรางวัลโนเบลในปีนี้หรือไม่ มีหนทางที่คุณจะรู้ได้สองประการ หนึ่งคือเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลในปีนี้ สองคือรอไปอีกห้าสิบปี เนื่องจากรายชื่อผู้ชิงรางวัลโนเบลในแต่ละปีจะถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างน้อย 50 ปี

- William Shockley ผู้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 1956 และ Luis Alvarez นักวิจัยอนุภาคมูลฐานผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี 1968 ทั้งสองมีจุดร่วมกันคือ ในวัยเด็กเคยถูกคัดชื่อออกจากโครงการวิจัยอัจฉริยภาพในบุคคลเนื่องจากมีไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ใครมันเป็นคนสร้างแบบทดสอบของโครงการนี้?

- Louis Terman แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นบุคคลแรกที่นำการประเมินไอคิวมาใช้การศึกษา อัจฉริยภาพในบุคคล ในการศึกษาครั้งหนึ่ง เขาได้จัดกลุ่มเด็ก (เด็กๆที่ Terman ศึกษาวิจัย ถูกตั้งชื่อให้คล้องจองกับเขาว่า "Termite") ที่มีไอคิวสูงกว่า 140 ขึ้นไปเป็นกลุ่ม "อัจฉริยะ" นับจวบจนปัจจุบัน ไม่มีอัจฉริยะคนใดจากการศึกษาของ Terman ที่ได้รับรางวัลโนเบล

- อัจฉริยะหลายคนในศตวรรษที่ 19 ถึง 20 มักมีชื่อเสียงอื้อฉาวเรื่องเพศ เช่น Richard Feynman, Albert Einstein และ Bertrand Russell ทั้ง นี้ไม่ใช่แค่เรื่องของสถิติ มีสมมติฐานหนึ่งที่ว่า อัจฉริยะมีส่วนสัมพันธ์กับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย ความก้าวร้าว และการชอบเสี่ยงภัย)

- ในปี 1981 Shockley (คนเดียวกับอีตาข้างบน) และนัก eugenicist (นักชาติพันธุ์วิทยา พวกที่เชื่อว่ามนุษย์สามารถจัดลำดับความสามารถได้จากพันธุกรรม-หาคำแปลไทย ไม่ถูก, จขบ.) นามว่า Robert Klark Graham ร่วมกันก่อตั้งสถาบันเก็บเชื้อพันธุ์อัจฉริยะในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ เป้าประสงค์หนึ่งคือการขายอสุจิของบุรุษที่ได้รับรางวัลโนเบลและบุรุษผู้ที่มีไอคิวสูงอีกเป็นจำนวนมาก

- Graham ตายในปี 1997 และสถาบันสติเฟื่องข้างบนนั้นก็ปิดลงในอีกสองปีถัดมา

- การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอพบว่า คนที่มีไอคิวปกติหรือแม้กระทั่งต่ำกว่าปกติมักมีความสามารถการบริหารหรือออม เงินได้ดีกว่าคนที่มีไอคิวสูง ตัวอย่างเชิงประจักษ์หนึ่งคือ Albert Einstein ผู้ผลาญเงินที่ได้จากรางวัลโนเบลไปเกือบหมดสิ้นโดยแทบไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆกลับมาจากการลงทุน

- กุมารแพทย์ชาวออสเตรเลีย Hans Asperger เป็นผู้ค้นพบโรคAsperger's syndrome ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของออทิสติกที่มีความสนใจและความสามารถเฉพาะเรื่องใด เรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ คุณหมอเชื่ออย่างฝังใจว่าโรคดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับอัจฉริยภาพทางวิทยา ศาสตร์และคณิตศาสตร์ และสรุปออกมาว่า "ภาวะออทิสติกมีความจำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จด้านวิทยาศาสตร์หรือศิลปะใดๆ"

- Norbert Weiner นักวิจัยด้านไซเบอร์เนติคส์เคยขับรถไปประชุมวิชาการ แต่ขากลับนั่งรถเมล์ เมื่อถึงบ้านเขาไม่พบรถยนต์จอดอยู่จึงโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจทันทีว่ารถของตนถูกขโมย

- ในระหว่างปี 1990 บริษัท Bell Labs ค้นพบว่าวิศวกรที่มีประสิทธิภาพและมีคุณค่าเป็นที่ต้องการมากที่สุดไม่ใช่ วิศวกรที่เป็นอัจฉริยะ แต่เป็นผู้ที่มีนิสัยปรองดอง เข้าใจความรู้สึกผู้อื่น และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไม่มีปัญหา...เอ่อ น่าจะรู้ตั้งนานแล้วนะ

- ในปี 2007 มหาวิทยาลัยเกียวโต ทำการศึกษาโดยจับลิงชิมแพนซีมาทำแบบทดสอบความฉลาดด้านการจำแข่งกับนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ลิงชิมแพนซีตัวที่ได้คะแนนมากที่สุดทำคะแนนชนะนักศึกษาทุกคนได้ถึงสองในสามครั้งของการทดสอบ

- เหนือไปกว่าเจ้าลิงชิมป์ไม่ทราบชื่อตัวข้างต้น เจ้านกแก้วสีเทาชื่อ Alex ซึ่งตายไปเมื่อปีที่แล้ว ถูกบันทึกว่าเป็นนกที่ฉลาดที่สุดในโลก มันสามารถจดจำวัตถุได้ถึง 50 อย่าง ซึ่งมีสีและรูปร่างแตกต่างกันเจ็ดรูปแบบ อย่างละ 6 ชิ้นขึ้นไป (50 x 7 x 7 x 6)

- เราทุกคนก็สามารถเป็นอัจฉริยะได้ นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยซิดนี่ย์และมหาวิทยาลัยแมคควอรี่ ประเทศออสเตรเลียกล่าวว่า ความฉลาดของคนเราสามารถกระตุ้นให้สูงขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ โดยการรับประทาน creatine สารชีวโมเลกุลชนิดหนึ่งที่พบในกล้ามเนื้อ วันละ 5 mg



From: 20 Things You Didn't Know About... Genius

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น